25580117

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า กับ เอ็มวีดี(จุลศัลยกรรมประสาท)

พอดีผมผ่านไปเจอบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า หรือในชื่อที่ฝรั่งเรียกกันว่า Trigeminal Neuralgia ซึ่งเกิดจากการผิดปรกติของเส้นประสาทรับความรู้สึกของใบหน้าคู่ที่ 5 ที่อาจโดนกดทับด้วยเส้นเลือดในสมอง บทความนี้จะบอกอาการที่ปวดใบหน้าแบบต่างๆ รวมไปถึงวิธีที่ทำการรักษา ยังไงเพื่อนๆลองอ่านดูนะครับเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย

"เอ็มวีดี"จุลศัลยกรรมประสาท รักษาอาการปวดใบหน้า
ยุคนี้สมัยนี้ โรคแปลกๆมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น อาการปวดหน้า หรือ ปวดใบหน้า ที่มีลักษณะคล้ายโดนเข็มทิ่มแทง หรือโดนไฟช็อต ซึ่งแม้จะไม่ใช่โรคที่มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็สร้างความไม่ปกติสุขให้กับผู้ที่มีอาการของโรคนี้ ยิ่งถ้าไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด อาจจะไปรักษาแบบผิดๆ ที่นอกจากจะไม่หายจากอาการปวดแล้ว ยังอาจทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ล่าสุด ความรู้ทางการแพทย์พบว่าอาการปวดใบหน้าส่วนใหญ่มักเกิดจากเส้นประสาทรับความรู้สึกของใบหน้าคู่ที่ 5 โดนกดทับโดยเส้นเลือดในสมอง ซึ่งอาการนี้สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด
นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม สาขาประสาทวิทยา โรงพยาบาลวิภาวดี อธิบายว่า อาการปวดใบหน้า โรคนี้ไม่มีชื่อเฉพาะเป็นภาษาไทย แต่ทางการแพทย์มักนิยมเรียกกันว่า “กลุ่มอาการปวดใบหน้า” กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้มีลักษณะเด่นที่เหมือนกันคือมีอาการปวดที่ใบหน้า (มักเป็นเฉพาะซีกใดซีกหนึ่งของใบหน้าเท่านั้น) โดยอาการปวดอาจเป็นทั้งซีกหรือเฉพาะบางที่
“บางคนอาจมีอาการปวดเฉพาะบริเวณเหนือคิ้ว ใต้มุมปากลงมา แก้มหรือหน้าหู ในบางรายอาจจะปวดด้านในของปาก กระพุ้งแก้ม หรือเหงือก โดยเฉพาะเวลาแปรงฟัน ทำให้ผู้ป่วยหลายรายไม่ยอมแปรงฟัน หรือแปรงเฉพาะซีกที่ไม่มีอาการปวด อาการปวดในแต่ละคนอาจแตกต่างออกไป บางคนปวดหน้า ใบหู ปวดเวลาเคี้ยว ซึ่งลักษณะและบริเวณที่ปวดนี้ จะช่วยจำแนกโรคด้วย เพราะบางครั้งอาการปวดบางอย่างอาจเกิดจากโรคขากรรไกรอักเสบ ซึ่งเป็นคนละอาการกับการปวดใบหน้า” คุณหมอเมธีบอก พร้อมกับให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ลักษณะอาการปวดใบหน้า ผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนไฟฟ้าช็อต ปวดรุนแรง ปวดเสียว ปวดร้าวเหมือนไฟดูด หลายรายปวดจนน้ำตาไหล อาการปวดเหล่านี้สามารถถูกกระตุ้น หรือถูกทำให้รุนแรงได้ด้วยการสัมผัสบริเวณใบหน้า บางรายแม้แต่ลมพัดโดนหน้าก็จะปวดเสียวอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าออกสังคม ซึ่งในกลุ่มนี้มักมีปัญหาในการวินิจฉัย เพราะแพทย์จะลังเลที่จะตัดสินใจว่าเป็นโรคนี้จริงหรือไม่

คุณหมอเมธี บอกว่า เดิมทีทางการแพทย์ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคนี้ การรักษาที่ผ่านมาจึงเป็นการรักษาตามอาการโดยการให้ยาแก้ปวด ยานอนหลับ หรือยาในกลุ่มที่ลดอาการปวดปลายประสาทโดยเฉพาะ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยหายจากโรคได้ เพียงแค่ทำให้อาการทุเลาแค่ชั่วคราว ที่สำคัญคือ พอใช้ยาลดปวดไปนานๆแล้วไม่หาย ก็ต้องเพิ่มขนาดยา เพราะผู้ป่วยมักมีอาการดื้อยา จนทำให้ผู้ป่วยหลายรายอยากฆ่าตัวตาย เพราะเชื่อว่าเป็นโรคเวรโรคกรรมที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม สาขาประสาทวิทยา ยังบอกด้วยว่า ในบางรายที่ได้รับยาอาจเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น ตับวาย เม็ดเลือดลดลงเนื่องจากมีการกดไขกระดูก ง่วงซึมจนทำงานไม่ได้ ที่น่ากลัวที่สุดคือการแพ้ยาแบบรุนแรง โดยผู้ป่วยจะมีอาการผิวหนังไหม้ เปลือกตาไหม้ ตาบอด ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเสียชีวิตจากการแพ้ยาได้
“บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยหลายรายได้รับการอุดฟัน รักษารากฟัน ถอนหรือใส่ฟันปลอม หรือแม้แต่ถอนฟันหลายซี่ เพราะทันตแพทย์เข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคในช่องปาก โดยเฉพาะรายที่มีอาการปวดในกระพุ้งแก้ม ผู้ป่วยบางรายไปพบแพทย์ทางหูคอจมูกเพราะเข้าใจว่าเป็นโรคที่เกี่ยวกับกราม กระดูกใบหน้า บางรายต้องได้รับการรักษาจากจิตแพทย์เพราะมีอาการซึมเศร้าจากอาการปวดเรื้อรังหรือรุนแรง” คุณหมอเมธีบอก
คุณหมอเมธี ยังบอกอีกว่า ความรู้ทางการแพทย์ในปัจจุบันทำให้ทราบว่าโรคนี้เกิดจากการที่เส้นประสาทที่รับความรู้สึกของใบหน้าคู่ที่ 5 (Trigeminal nerve) โดนกดทับโดยเส้นเลือดในสมอง เมื่อเส้นเลือดสมองไปพาดอยู่บนเส้นประสาทดังกล่าว เส้นเลือดที่มีการเต้นตามจังหวะชีพจรก็จะไปกระแทกเข้าที่เส้นประสาท ทำให้เกิดการกระตุ้นที่เส้นประสาทอยู่ตลอดเวลา ผลก็คือ ผู้ป่วยเกิดการไวต่อการตอบสนองของความรู้สึกที่ผิวหนังบริเวณใบหน้ามากเกินไปจนตามด้วยอาการเจ็บปวด
ในบางรายยังพบว่ามีเนื้องอกไปกดทับเส้นประสาทคู่ที่ 5 ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีอาการปวดใบหน้าทุกรายจำเป็นต้องได้รับการตรวจเอกซเรย์สมองอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนเริ่มการรักษา ซึ่งหากเป็นไปได้ควรตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์แม่เหล็ก (MRI)
ทั้งนี้ ในศูนย์การแพทย์หลายแห่งทั่วโลกได้เปลี่ยนแนวคิดการรักษาโรคนี้จากการกินยาเป็นการผ่าตัด ที่ในทางการแพทย์เรียกว่า Microvascular decompression (MVD) เป็นการทำจุลศัลยกรรม ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และเครื่องมือในระดับจุลศัลยกรรมสมอง (Microsurgery) ศัลยแพทย์ระบบประสาทจะทำการผ่าตัดเพื่อแยกเส้นเลือดออกจากเส้นประสาทโดยลงแผลผ่าตัดด้านหลังใบหูยาวเพียง 2-3 เซนติเมตร ใช้เวลาผ่าตัดไม่เกิน หนึ่งชั่วโมง ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 80 มีอาการดีขึ้นแทบจะทันทีหลังผ่าตัด บางรายหายขาด บางรายอาจยังมีอาการปวดหลงเหลืออยู่ แต่สามารถคุมได้ด้วยยาเพียงเล็กน้อย หลังการผ่าตัดผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ภายใน 2-3 วัน
หากมีอาการปวดใบหน้าอย่าปล่อยทิ้งไว้ ลองปรึกษาหรือพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท เพื่อทำการวินิจฉัยและทำการรักษาให้หายขาด.
credit : thairath.co.th/content/475131

แต่ไม่ว่าคุณจะเป็น โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า หรือเป็น โรคอะไรผมเองเชื่อว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกำลังใจนั้นสามารถทำให้เราผ่านพ้นอุปสรรคได้เสมอ รักษากำลังใจไว้นะครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. พอจะทราบ นพ.ศรัทธาวุธ วงษ์เวียงจันทร์ ว่าท่านรักษาอยู่ รพ ไหนบ้างคะ
    คุณพ่อปวดหน้า มาเป็นปีแล้วค่ะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ21 กันยายน 2561 เวลา 12:40

    อยากรักษากันคุนหมอเมธีมากเลยค่ะ

    ตอบลบ